เล่าความเป็นมาในการเป็นบ้านศิลปะครูขวัญ จุดเริ่มต้นคือ มีผู้ปกครองนักเรียนที่รู้จัก(พี่หมวย)ได้มาขอให้ครูขวัญสอนพิเศษศิลปะ ปี 2556 ช่วงเดือนเมษายน ในความตั้งใจคิดว่าจะสอนฟรี แต่ผู้ปกครองไม่ยอมขอให้คิดค่าชั่วโมง นักเรียนที่มาเรียนคนแรก คือ น้องหนูอิน ซึ่งเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนอนุบาล พอจะสอนสิ่งที่คิดได้คือ ต้องเน้นฝึกกล้ามเนื้อมือเด็กๆ ก็เลยไปซื้อดินน้ำมันมา พยายามเลือกดินน้ำมันที่ดีและปลอดภัยที่สุด ราคาตกก้อนละ 60 บาท ซื้อมา 4 ก้อน หมดเงินไป 240 บาท (พอน้องหนูอินมาเรียน จะคิดค่าชั่วโมง ก็เกรงใจ เลยคิดแค่ค่าอุปกรณ์ ไป ) หลังจากนั้นก็กลายมาเป็นค่าเรียนในปัจจุบัน ครั้งละ 200 บาท เวลาสอนเด็กๆ สิ่งที่คิดเสมอ คือคิดว่า ต้องสอนให้เด็กรู้จักการคิด บูรณาการ น้อยคนนักที่จะได้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับงานศิลปะ แต่ถ้าเน้นฝึกการคิด เด็กๆจะสามารถบูรณาการการคิดสร้างสรรค์เชิงศิลปะประยุกต์กับการเรียนวิชาอื่นๆ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในการเรียนศิลปะ คือเรื่อง ทักษะของผู้เรียน (ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนศิลปะ ทัศนศิลป์) ครูพยายามสอดแทรกทักษะในการทำงานให้ในการเรียนเสมอและในการเรียนบางครั้งครูก็นำวัสดุเหลือใช้ เช่น กระดาษลังเหลือใช้มาใช้ในการเรียนศิลปะ เพราะอยากให้นักเรียนรู้จักการเห็นคุณค่าของสิ่งของเหลือใช้ รู้จักรีไซเคิลสิ่งของ ไม่อยากให้ทิ้งขว้าง เป็นการประยุกต์วัสดุสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง หลักการสอน พยายามฝึกการคิดของเด็กๆ ให้มาก เพราะ ในอดีตครูศิลปะคนนี้ก็เป็นเด็กสายวิทย์-คณิต เคยได้คะแนน 1 ใน 3 ของสายชั้นในวิชาวิทยาศาสตร์ ตอนเรียนชั้นมัธยมต้น และต่อ ม.ปลาย ด้านวิทย์-คณิต มาโดยตลอด แต่ด้วยความที่ชอบศิลปะ ก็จะไม่เคยทิ้งด้านนี้ และถ้าไม่สอบทุนรัฐบาลได้ อาจประกอบอาชีพอื่นๆเป็นแน่แท้ โชคชะตาลิขิตมาให้เป็นครูศิลปะ พอเป็นครูศิลปะ ก็เข้าใจในอารมณ์ความรู้สึกของเด็กของผู้ปกครอง ว่าในการส่งลูกมาเรียนศิลปะ เพราะต้องการพัฒนาลูกในด้านใด และในการสอนศิลปะแต่เดิม ที่คิดค่าสอนเป็นครั้ง เพราะ ไม่อยากผูกมัดผู้ปกครอง (เพราะ บางที ครูคนนี้อาจสอนไม่ดี ก็ต้องยอมรับ เกิดเรียนไป รู้สึกไม่ถูกใจ ครูก็สามารถหยุดได้เลยค่ะ) แต่ต่อมาได้ปรับการเรียนเป็นคอร์สเพื่อผลการพัฒนาทักษะที่เห็นผลมากกว่าแบบครั้ง แต่ถ้าเด็กๆมีความสุขก็มาเรียนได้ตลอดเวลาที่เปิดสอนค่ะสอนศิลปะด้วยใจ ใช่เงินทอง (สถานที่ธรรมดาๆ เป็นบ้านตัวเอง ทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ) แต่เวลาสอนเต็มที่ทุกครั้ง แต่หากอยากให้ลูกได้อะไรพิเศษบอกได้ค่ะ เช่น ฝึกสีชอค์ก เน้นการปั้น แอบกระซิบได้นะคะ (เล่าที่มาคร่าวๆ เกี่ยวกับความเป็นมาของบ้านศิลปะครูขวัญนะคะ) จากวันนั้นถึงวันนี้ จากคุณครูสอนศิลปะในสังกัดรัฐบาล บรรจุรับราชการในปี 2552 สอนศิลปะเด็กมา สิบกว่าปี จัดเป็นครูศิลปะที่มีรางวัลระดับชาติมากคนหนึ่งในประเทศไทย...โดยมีผลงานรางวัลจากการสอนมากถึง 12 รางวัลระดับชาติ และระดับนานาชาติ และได้เคยชนะเลิศการประกวดการแข่งขันนวัตกรรมการสอนเป็นตัวแทนคุณครูศิลปะประเทศไทยไปแข่งขันกับครูวิชาอื่นๆทั่วโลก.....ในปี 2558.....และได้รับรางวัลสูงสุดในชีวิตมากมาย...ทั้งรับโล่พระราชทาน....ในหลวง รัชกาลที่ 10 รับถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกณิษฐาธิราชเจ้า สมเด็จพระเทพ ...และรางวัลอื่นๆ ในจุดที่เรียกว่า ....สูงสุดในชีวิตข้าราชการ......เมื่อเราทุ่มเทให้งานราชการเต็มที่.....เราควรนำความรู้ความสามารถมาใช้สอนให้เด็กๆคนอื่นบ้าง..... เป็นเหตุผลว่าเราจึงยังคงสอนศิลปะเด็กอยู่ ตราบใดที่เด็กๆยังมีความสนใจอยากเรียนรู้กับคุณครูคนนี้.....และนี้คือความสุขของคุณครูจริงๆค่ะ....ไม่เคยคิดถึงรายได้.... เพราะรายได้ที่ได้มา....ท้ายสุดก็ลงสู่ โรงเรียนเล็กๆ ที่คุณครูคนนี้ได้ดำรงตำแหน่งใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียน ทุกวันนี้มีคนถามทำไม ผอ.ยังสอนศิลปะ ผอ.ได้แต่ตอบว่า เพราะมันคือความสุข ผอ.ที่สอนศิลปะทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน ผอ.ขวัญ เองค่ะ อยากรู้เรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอนศิลปะของครูขวัญ เข้าไปที่ www.kids-dee.com  |